Scandinavian Design: ความเรียบง่ายที่ตั้งใจทำเพื่อทุกคน ไม่ใช่เพื่อสถานะหรือความเหนือกว่า

Scandinavian Design: ความเรียบง่ายที่ตั้งใจทำเพื่อทุกคน ไม่ใช่เพื่อสถานะหรือความเหนือกว่า

สแกนดิเนเวียนดีไซน์มักถูกจดจำผ่านสีอ่อน เฟอร์นิเจอร์ไม้ และบรรยากาศสงบ แต่เมื่อย้อนกลับไปที่จุดกำเนิด จะเห็นว่าแก่นของมันไม่เคยเกี่ยวข้องกับความพิเศษหรือความเหนือกว่า จุดตั้งต้นคือการทำให้ชีวิตประจำวันของผู้คนดีขึ้น ในบ้านจริง ไม่ใช่บนเวทีจัดแสดง และไม่ใช่เพื่อยืนยันรสนิยมต่อใคร

ปี 1899 Ellen Key เขียน Beauty in the Home เพื่อเสนอว่าบ้านควรเป็นพื้นที่ที่สนับสนุนคุณภาพชีวิต ผู้ใช้คือศูนย์กลางของงานออกแบบ ความงามเกิดจากความสงบ ความพอดี และความเรียบร้อยที่สอดคล้องกับชีวิต ไม่ใช่จากของประดับที่ทำให้บ้านแข็งและห่างจากการใช้งานจริง

ปี 1919 Gregor Paulsson เพิ่มความชัดเจนใน Vackrare Vardagsvara ว่าของดีควรใช้งานได้จริง ผลิตได้จริง และเข้าถึงได้สำหรับทุกคน คุณค่าที่แท้จริงจึงอยู่ในสิ่งที่วัตถุทำเพื่อผู้ใช้ ไม่ใช่สิ่งที่มันทำให้ผู้คนมองเห็น ในปีเดียวกัน Bauhaus ก็ถือกำเนิดขึ้นในอีกฟากหนึ่งของยุโรป บนรากคิดที่สอดคล้องกัน คือการออกแบบด้วยเหตุผล วัสดุจริง และฟังก์ชันที่ตั้งใจให้ใช้ในชีวิตประจำวัน

ปี 1931 Acceptera สรุปแก่นความคิดเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมา เรียกร้องให้ผู้คนยอมรับความเรียบง่ายตามความเป็นจริง ปล่อยให้ของใช้ทำงานของมันโดยไม่ต้องเพิ่มพิธีกรรมหรือฉากที่ทำให้มันห่างจากผู้ใช้

จากรากฐานนี้ นักออกแบบยุค Scandinavian modernism เช่น Aalto, Jacobsen, Mathsson และ Mogensen จึงสร้างผลงานที่มุ่งตอบสนองชีวิตประจำวันของผู้คนโดยตรง เฟอร์นิเจอร์ของพวกเขาสวยงามที่สุดเมื่ออยู่ในบ้าน เพราะวัสดุจริง สัดส่วนที่พอดี และเส้นสายที่ตั้งใจทำงานร่วมกับชีวิต ไม่ใช่เพื่อดึงดูดสายตาในพื้นที่จัดแสดง

เมื่อโลกเริ่มเร่งรีบขึ้นในปลายศตวรรษที่ 20 นักออกแบบหยิบแก่นคิดแบบเดิมมาตีความใหม่จนเกิดเป็นสิ่งที่ต่อมาถูกเรียกว่า New Nordic ซึ่งตั้งอยู่บนความเรียบง่ายแบบตรงไปตรงมาแต่เพิ่มน้ำหนักให้กับความยั่งยืน ความซื่อสัตย์ของวัสดุ และบริบทท้องถิ่น งานออกแบบยังคงยึดผู้ใช้เป็นศูนย์กลางเช่นเดิม เพียงแต่ขยายความรับผิดชอบออกไปไกลกว่าเดิม

ในเวลาเดียวกัน Soft Minimalism เติบโตขึ้นจากบริบทของสังคมที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้า ผู้คนต้องการบ้านที่ช่วยให้ระบบรับรู้ได้พักจริง นักออกแบบจึงลดความแข็งกร้าวของ minimalism แบบเดิม และเพิ่มวัสดุที่สัมผัสได้ดี แสงที่อ่อนลง และรูปทรงที่เป็นมนุษย์ ความเรียบง่ายในแนวทางนี้ทำหน้าที่เป็นพื้นที่พัก ไม่ใช่เป็นเทคนิคสร้างภาพลักษณ์

แต่เมื่อแนวคิดทั้งหมดที่เกิดมาเพื่อผู้คนเดินทางสู่บางพื้นที่ของกรุงเทพฯ สิ่งที่เกิดขึ้นกลับสวนทางกับต้นทาง ของใช้ธรรมดาถูกเล่าให้เป็นวัตถุพิเศษเฉพาะกลุ่ม เฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งใจทำเพื่อชีวิตประจำวันถูกนำไปจัดสาธิตเย็บในโรงแรมหรู วางใต้ไฟสลัวราวกับต้องมีฉากประกอบจึงจะมองเห็นคุณค่า ทั้งที่แก่นของงานเหล่านี้ชัดเจนที่สุดเมื่ออยู่ในบ้านของผู้ใช้ ไม่ใช่ในพื้นที่จัดแสดง

เรื่องเล่าจึงขยับจากวัสดุจริง โครงสร้าง และคุณค่าที่ตอบสนองชีวิต ไปสู่ความพิเศษของสถานที่ แสง และจำนวนจำกัด ผู้คนเริ่มจดจำชื่อแบรนด์มากกว่าสิ่งที่งานออกแบบทำเพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น วัตถุที่ควรเป็นมิตรและเข้าถึงง่ายถูกห่อด้วยบรรยากาศที่ทำให้มันดูไกลกว่าที่ควรเป็น

ผลลัพธ์คือภาพของสแกนดิเนเวียนดีไซน์ในกรุงเทพฯ ค่อยๆ ห่างออกจากรากที่แท้จริง จากดีไซน์ที่ตั้งใจช่วยให้ผู้คนอยู่สบายขึ้น กลายเป็นดีไซน์ที่ต้องพึ่งฉากหลังและบรรยากาศเพื่อยืนยันคุณค่า ทั้งที่ความงามของมันไม่เคยต้องการสิ่งเหล่านั้นเลย

แท้จริงแล้ว ความงามของสแกนดิเนเวียนดีไซน์อยู่ที่ความซื่อสัตย์ต่อผู้ใช้ วัสดุจริง เส้นสายที่พอดี และฟังก์ชันที่ตั้งใจทำให้ชีวิตประจำวันราบรื่นขึ้น สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ทำให้งานออกแบบยืนอยู่ได้ยาวนานโดยไม่ต้องมีเรื่องเล่ามาค้ำยัน